อิทธิพลของพ่อแม่ที่มีบทบาทต่อชีวิตลูก

บทบาทสำคัญของพ่อแม่มีส่วนสำคัญที่หล่อหลอมอบรมเลี้ยงดูให้เด็กมีศักยภาพในการใช้ชีวิตในสังคม

          พ่อแม่ทุกคนล้วนเป็นต้นแบบของลูกๆ เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตและการเลือกเส้นทางเดินต่อไปในอนาคตของลูก  จึงควรสนับสนุนให้ทุกครอบครัวมีพื้นฐานของครอบครัวที่ดีเพื่อเป็นพื้นฐานให้กับลูกๆ  เพราะพ่อแม่มีส่วนในการสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกๆ

          1. ด้านการศึกษา  จากการสำรวจทัศนคติและบุคลิกลักษณะของ พ่อแม่ยุคใหม่  จึงมีผลต่อการเรียนการศึกษาของเด็กๆ  อีกทั้งจากการใช้กระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยรอบด้าน  พบว่าจากความเชื่อ  ความคาดหวัง  ของแต่ละครอบครัวนั้นส่งผลต่อพฤติกรรมในการกำหนดการเรียนรู้ของลูกๆ  การมีส่วนร่วมในการช่วยให้เด็กๆได้เรียนรู้ตลอดจนการห่วงใยต่ออนาคตของลูก  โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่นำเข้ามาใช้ร่วมกับการศึกษาด้วยแล้ว  พ่อแม่หลายคนมักกังวลเกี่ยวกับอุปกรณ์การเรียนระบบดิจิทัลเป็นอย่างมาก  เพราะเทคโนโลยีไร้ขีดจำกัดที่จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านทักษะ  การเข้าสังคม  จะทำลูกๆ ไม่มีทักษะในการใช้ชีวิตในสังคมเพราะต้องเรียนรู้จากตัวเอง  พ่อแม่จึงสนใจการเรียนแบบเดิมมากกว่า  และการเรียนผ่านเทคโนโลยีอาจทำให้เด็กๆ ขาดสมาธิได้ง่ายกว่าการเรียนจากหนังสือ  ซึ่งในส่วนนี้หากพ่อแม่ที่สามารถสนับสนุนอุปกรณ์ดิจิทัลให้ลูกๆได้ก็จะไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้

          2. ด้านความปลอดภัย  ครอบครัวที่มีพ่อแม่ที่รักใคร่  ไว้เนื้อเชื่อใจ  พึ่งพากันได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ลูกได้รู้สึกถึงความปลอดภัย  รู้ว่าที่บ้านที่มีพ่อและแม่อยู่นั้น  เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา  หากวันที่เขามีเรื่องราวเข้ามาในชีวิต  เขาจะคิดถึง พ่อกับแม่เป็นคนแรก  พ่อแม่จึงต้องปลูกฝังให้ลูกได้รู้สึกอบอุ่น  ปลอดภัยจากสิ่งต่างๆ รอบตัว

          3. เสริมสร้างจิตใจที่เข้มแข็ง  เมื่อพ่อแม่มีเวลาได้อยูใกล้ชิดลูกๆ ได้รู้จักนิสัยใจคอ  ได้เห็นทัศนะคติทางความคิดของลูก  จะทำให้พ่อแม่สามารถรู้ปัญหาก่อน  อีกทั้งความใกล้ชิดที่ลูกจะให้กลับมานั้นพ่อแม่ต้องทำตั้งแต่เมื่อลูกเป็นเด็ก  เด็กจะซึมซับความเป็นผู้นำของพ่อ  ความอ่อนโยนจากแม่  เมื่อลูกมีปัญหาก็จะทำให้เขามีจิตใจที่เข้มแข็งเพราะมีพ่อกับแม่เป็นต้นแบบที่ดีทำให้ลูกมีจิตใจทีมั่นคงไม่อ่อนแอกับเรื่องอะไรง่ายๆ

          4. พื้นฐานนิสัยอ่อนโยน มีเมตตา  เมื่อพ่อแม่ให้ความรักความเมตตาต่อลูกก่อน  แสดงความเห็นอกเห็นใจให้ลูกได้เห็น  จะทำให้ลูกได้รับการซึมซับไปในตัว  จะส่งผลให้เด็กมีพื้นฐานจิตใจที่อ่อนโยน  ไม่ทำร้ายผู้อื่น  เห็นอกเห็นใจผู้อื่น  รู้สึกสงสารผู้อื่น  เมื่อเด็กมีพื้นฐานจิตใจที่ดี  จะทำให้เด็กสามารถอยู่ในสังคมได้โดยที่ไม่เดือดร้อนผู้อื่น  การปลูกฝังพื้นฐานนิสัยต้องฝึกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก  เพื่อให้เด็กซึมซับ  และรู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

          5. ดูแลควบคุมการใช้สื่อด้านออนไลน์และออฟไลน์  ไม่ว่าจะเป็น  โทรทัศน์  หนังสือ  โซเชียลมีเดียต่างๆ  พ่อแม่ควรเว้นระยะห่างคอยสังเกตุอยู่เสมอ  เพื่อคอยคุมไม่ให้ได้รับสื่อที่ไม่เหมาะสม  หากลูกต้องการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการส่วนตัว  พ่อแม่ควรได้รับรู้ว่าลูกรับชมในระดับใด  และเหมาะสมกับช่วงวัยของลูกหรือไม่  แต่ในขณะเดียวกัน  พ่อแม่ก็ไม่ควรที่จะห้ามลูกเพราะหากเด็กอยากที่จะเรียนรู้จะทำให้เด็กขาดอิสระทางความคิดได้

          อย่างไรก็ดีพ่อแม่ล้วนเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางครอบครัวต่อลูกมากที่สุด  การหล่อหลอมเด็กให้เป็นคนที่ดีทั้งจากภายใน  และภายนอก  เบื้องต้นควรเริ่มจากครอบครัวก่อน  เมื่อเด็กมีพื้นฐานครอบครัวที่แข็งแรง  เด็กก็จะออกสู่สังคมด้วยความแข็งแรง  และเข้มแข็งพอที่จะเจอปัญหาภายนอกครอบครัวได้  ยิ่งไปกว่านั้น  ครอบครัวต้องเป็นที่ซัพพอทให้กับเด็กในยามที่เขาต้องเผชิญปัญหาตามลำพังอีกด้วย  ดังนั้นครอบครัวจึงต้องเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเพื่อปลูกจิตสำนึกที่ดีให้เด็กต่อไป